วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม( Environmental Protection)



การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม








    ความหมายการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
                การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมายถึง  การเก็บรักษา  สงวน  ซ่อมแซม  ปรับปรุง  และใช้ประโยชน์ตามความต้องการอย่างมีเหตุผลต่อสิ่งแวดล้อม  เพื่อเอื้ออำนวยให้เกิดคุณภาพสูงสุดในการสนองความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างถาวรต่อไป
หลักการอนุรักษ์
                การที่จะให้บรรลุเป้าหมาย คือ การที่จะทำให้มีทรัพยากรธรรมชาติไว้ใช้และอยู่คู่กับโลกตลอดไปได้นั้น  มีหลักการอนุรักษ์  3 ประการ คือ
                1.  ใช้อย่างฉลาด  การจะใช้  ต้องพิจารณาให้รอบคอบถึงผลดี  ผลเสีย  ความขาดแคลนหรือความหายากในอนาคต อีกทั้งพิจารณาหลักเศรษฐศาสตร์ถึงต้นทุนและผลตอบแทนอย่างถี่ถ้วน
                2.  ประหยัด  (เก็บ  รักษา  สงวน)  ของที่หายาก  หมายถึง  ทรัพยากรใดที่มีน้อยหรือหายาก  ควรเก็บรักษาไว้มิให้สูญไป  บางครั้งถ้ามีของบางชนิดที่พอจะใช้ได้ ต้องใช้อย่างประหยัด
                3. ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีหรือเสื่อมโทรมให้ดีขึ้น (ซ่อมแซม ปรับปรุง)  กล่าวคือ  ทรัพยากรใดก็ตามมีสภาพล่อแหลมต่อการสูญเปล่า  หรือจะหมดไปถ้าดำเนินการไม่ถูกต้องตามหลักวิชา ควรหาทางปรับปรุงให้อยู่ในลักษณะที่ดีขึ้น
2. การจัดการสิ่งแวดล้อม
                การจัดการ(Management) หมายถึงการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ     รวมถึงการจัดการ การเก็บรักษา ซ่อมแซม การใช้อย่างประหยัด อีกทั้งการสงวนเพื่อให้สิ่งที่ดำเนินนั้นสามารถให้ผลยั่งยืน (Sustained Yields) ต่อมวลมนุษย์และธรรมชาติ
                การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หมายถึง การดำเนินการต่อทรัพยากร  ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถเอื้ออำนวยให้มวลมนุษย์มีใช้ตลอดไป โดยไม่ขาดแคลนและมีปัญหาใดๆ  โดยใช้วิธี กาสงวน  อนุรักษ์และพัฒนา            
3. บทบาทการประสานความร่วมมือขององค์กร หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย 
ภาครัฐบาล สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้
ภาคเอกชน    NGOs  องค์กรเอกชนด้านคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
- ระดับโลก    องค์กรยูเนสโก (UNSECO) IUCN ,WWF, Green Peace

สิทธิและหน้าที่ของประชาชนและการให้ความช่วยเหลือต่อองค์กรเอกชน
                สิทธิและหน้าที่ของประชาชนในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติตามมาตรา 6 ของพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ได้ระบุไว้ดังนี้
1. การรับทราบข้อมูลและข่าวสารของทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพ   สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ยกเว้นข้อมูลทางราชการที่ถือว่าเป็นความลับ
2. การได้รับชดเชยค่าเสียหายหรือค่าทดแทนจากรัฐ ในกรณีที่เกิดจากภัยอันตรายจากการแพร่กระจายของมลพิษจากกิจการหรือโครงการที่ราชการหรือรัฐวิสาหกิจริเริ่มสนับสนุนหรือดำเนินการ
3. การร้องเรียน กล่าวโทษผู้กระทำผิดที่ละเมิด หรือฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมมลพิษหรือการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
4. การให้ความร่วมมือและช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการส่ง เสริม  และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
5. การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยเคร่งครัดประเทศไทยกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ประเทศไทยได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น   จากการทำสัตยาบันในอนุสัญญาความหลากหลาย   ทางชีวภาพ ดังนี้
                1. เป็นภาพพจน์ที่ดีต่อที่รัฐบาลไทยให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลก ในการรักษาสิ่งแวดล้อม   ของประเทศไทยและของโลกไว้ให้ดีที่สุดที่จะเป็นไปได้
2. มีการควบคุมดูแลอย่างจริงจังมากขึ้นในการที่ประเทศต่างๆจะเข้ามาศึกษาวิจัยและการนำทรัพยากรชีวภาพออกไปวิจัยนอกประเทศ
3.ได้รับสิทธิประโยชน์ต่อการที่ประเทศต่างๆมีการนำทรัพยากรที่มีใประเทศออกไปใช้ และ 
ประเทศนั้นจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างเหมาะสมให้กับประเทศไทยด้วย
4. ร่วมกับประเทศภาคีสมาชิกซึ่งมีทรัพยากรชีวภาพที่เหมือนกัน ในการเจรจาต่อรองกับประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในการรักษาผลประโยชน์ด้านต่าง ๆ ร่วมกัน
5.   สามารถนำทรัพยากรชีวภาพที่ขาดแคลนจากประเทศภาคีสมาชิกมาใช้ได้
6. สิทธิในการเข้าร่วมเจรจาระหว่างประเทศในการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการจัดการ
ทรัพยากรชีวภาพในการประชุมของประเทศภาคีอนุสัญญาเช่นการเข้าไปร่วมกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ Bio Safety ฯลฯ
7. เป็นผลดีต่อการค้าส่งออกในระบบนานาชาติ เพราะปัจจุบันประเทศมหาอำนาจทางการค้า  มองด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติของประเทศคู่ค้าเป็นสำคัญ
8. กระตุ้นให้รัฐบาลดำเนินงานด้านอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพให้กฎหมายเกี่ยวกับ   การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง   เพราะรัฐบาลจะต้องรายงานสถานะภาพความหลากหลาย  ทางชีวภาพต่อที่ประชุมใหญ่ของสมัชชาภาคีทุกปี
9. จะได้รับงบประมาณพิเศษมาช่วยเหลือจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกในการวิจัยการจัดการและการอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพในประเทศ
10.อนุสัญญาฯนี้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งชุมชนท้องถิ่นและชุมชน พื้นเมืองจะได้รับการยอมรับมากขึ้นที่จะร่วมมือกับภาครัฐในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรชีวภาพที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้นรวมทั้งสิทธิภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนต่างๆ จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต
4.  การเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อม
การเฝ้าระวังด้านสิ่งแวดล้อมเป็นมาตรการด้านความปลอดภัยวิธีการหนึ่งที่จะดูแลและรักษาสิ่งแวดล้อม
  การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโดย การศึกษาจริยธรรม และกฎหมาย
                การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติโดยพุทธจริยธรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
                พุทธศาสนามีหลักคำสอนเกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอยู่หลายข้อ ตามที่ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎกหลักจริยธรรม ที่สำคัญบางประการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการอนุรักษ์และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนเช่น การแสดงความกตัญญูกตเวที   สิ่งแวดล้อมก็มีอุปการคุณต่อมนุษย์เราเป็นอย่างมาก กล่าวคือ แผ่นดินให้ที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน แม่น้ำลำคลองให้น้ำดื่มน้ำใช้ และเป็นแหล่งอาหารของเรา ป่าไม้ให้ยาสมุนไพรช่วยรักษาโรคให้ความร่มรื่น การทำลายป่าก็เท่ากับการทำลายสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่อาศัยอยู่ของสัตว์ป่า เพราะฉะนั้นคนดีทั้งหลายจึงควรกตัญญูต่อแผ่นดินที่เราอาศัย ต่อป่า ต่อแม่น้ำลำคลองและแสดงกตเวทีคือช่วยกันดูแลรักษาสภาพของสิ่งแวดล้อม      ความเมตตา กรุณา เป็นการแสดงความรัก ความปรารถนาดี และเสียสละต่อบุคคลอื่น บุคคลที่มีความรักความเมตตาจะไม่ทำลายสัตว์ป่า ไม่ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์โลกต่างๆ ความเมตตากรุณาจะทำให้สภาพแวดล้อมไม่ถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมทางสังคมก็ตาม

        การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการใช้กฎหมาย
                การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยใช้กฏหมายมีความจำเป็น หากคนในสังคมขาดจริยธรรมจะนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของทรัพยากร และในปัจจุบันประเทศไทยมีกฎหมายและพระราชบัญญัติหลายฉบับที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม
                รัฐธรรมนูญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                         การกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่ฉบับที่ 2517 จนถึงกระทั่งฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญ ฉบับปี พ.ศ. 2540 มีบทบัญญัติให้สิทธิของบุคคลและชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติร่วมกับภาครัฐ มีมากถึง 8 มาตราด้วยกันอาจเรียกได้ว่า เป็นรัฐธรรมนูญฉบับสีเขียว (Green Constitution)  
       กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เช่นพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535  
       – พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพ.ศ.2535เป็นกฎหมายที่มีจุดมุ่งหมาย  ในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในลักษณะครอบคลุมในทุกๆด้าน กฎหมายฉบับแรกที่ถือว่าเป็นกฎหมายสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยได้แก่ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518    
       -      พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
       -      พระราชบัญญัติโรงงาน 2535
       -      นโยบายและแผนส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ 2540-2559
       –      โครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ
         การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
      แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554)
ในส่วนบทที่  5 ยุทธศาสตร์พัฒนาบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีเป้าหมายดังนี้
1.            การรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
              2.   การตอบสนองความต้องการและความจำเป็นในการดำรงชีวิตเช่น การนำขยะมูลฝอยกลับมา  ใช้อีก
1.            การวางรากฐานด้านการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาบนฐานความหลาก
หลายทางชีวภาพ
แนวทางการพัฒนา
1.  ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ฟื้นฟูฐานทรัพยากรธรรมชาติและควบคุมดูแลคุณภาพ
สิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง
2.  ระมัดระวังการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ การดำรงชีวิตของคนในชุมชน การสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เป็นไปอย่างรู้คุณค่าโดยการมีส่วนร่วมของผู้ได้รับผลประโยชน์และผลกระทบจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
3.   การนำจุดแข็งของโอกาสของประเทศคือ ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพมาสร้างกระบวนการพัฒนาประเทศอย่างสมดุล ด้วยการวางรากฐานการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ผสมผสานระหว่างทุนทางเศรษฐกิจ ทุนทางสังคม และทุนทางทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
4.  การบริหารจัดการความขัดแย้งในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และการได้รับผลกระทบจากมลพิษโดยสันติ
แนวทางการดำเนินการ
1.  การรักษาฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศส่งเสริมการมีส่วนร่วม ส่งเสริมศักยภาพและจิตสำนึกเป็นเครื่องมือสำคัญในการตัดสินใจเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์  และผู้มีส่วนได้ส่วน เสียกลุ่มต่างๆ        มีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์และข้อมูลแผนที่ 1:4000 เพื่อใช้กำหนดแนวเขตอนุรักษ์ที่ชัดเจน วางระบบการถือครองให้คนยากจน      สนับสนุนการวิจัยร่วมระหว่างภาควิชาการกับชุมชนท้องถิ่น ใช้ภูมิปัญญาและ   วัฒนธรรมของชุมชนตามลักษณะของระบบภูมินิเวศน์ในการฟื้นฟูฐานทรัพยากร          ติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ        จัดทำฐานข้อมูลเพื่อเผยแพร่ต่อชุมชนที่เกี่ยวข้อง  ส่งเสริมสิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร   และร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ กำหนดมาตรการ คนอยู่ร่วมกับป่าทำกิจกรรมสนับสนุนการฟื้นฟูรักษาระบบนิเวศ ความอุดมสมบูรณ์ของดิน พัฒนาระบบการป้องกันภัยพิบัติ
              2. สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยการกำหนดนโยบายสาธารณะที่ส่งเสริมการผลิตและการบริโภคเพื่อลดผลกระทบต่อฐานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การผลิตที่สะอาดภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และเกษตรที่ยั่งยืน     มีมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ การเงิน การคลังเพื่อการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน เช่นลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการวิจัย พัฒนาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสะอาด นาโนเทคโนโลยี  การใช้วัฒนธรรม ประเพณี การดำรงชีวิตตามวิถีไทยเพื่อปลูกฝังค่านิยมการบริโภคอย่างพอเพียง  รณรงค์ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างจิตสำนึก ความรู้ เข้าใจและสร้างค่านิยมเกี่ยวกับการบริโภคที่ยั่งยืน
             นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการเพื่อลดมลพิษและควบคุมกิจกรรมที่จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต
                3.  การพัฒนาคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น   ใช้หลักเศรษฐกิจ
พอเพียงเป็นแนวทางสำคัญ   มีการจัดองค์ความรู้สร้างภูมิคุ้มกันพัฒนาระบบฐานข้อมูลระดับชาติด้านทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ อนุกรมวิธาน คุณสมบัติ การใช้ประโยชน์ ให้ชุมชนตระหนักถึงคุณค่าของความหลากหลายทางชีวภาพ สนับสนุนปราชญ์ชาวบ้านและแพทย์แผนไทยนักพฤษศาสตร์พื้นบ้านในการสืบทอดองค์ความรู้ ส่งเสริมการวิจัยพัฒนาที่ผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับองค์ความรู้ใหม่ คุ้มครองสิทธิชุมชน อนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายของพันธุกรรมท้องถิ่นเพื่อรักษาสายพันธุ์   ส่งเสริมการใช้ความหลากหลายทางชีวภาพในการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร สุขภาพ  ภาคเศรษฐกิจท้องถิ่น และชุมชนสนับสนุนการผลิตพัฒนาศักยภาพชุมชนในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติและการวิจัยตลาดของสินค้า บริการที่เชื่อมโยงกับความหลากหลายทางชีวภาพ เช่น นวดไทย สปา เกษตรปลอดสารพิษ พัฒนาขีดความสามารถและสร้างนวัตกรรมจากทรัพยากรชีวภาพที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ




ข่าวรอบตัว

ข่าวกีฬา

ข่าวฟุตบอล โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือจอมโวย ของทีม แมนฯ ซิตี้ ลั่นวาจา การลุ้นแชมป์ลีกในปีนี้ยังไม่จบ หลังทำได้แค่เปิดบ้าน เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ทำให้มีแต้มห่างจากจ่าฝูง แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ 9 คะแนน




เอดิน เชโก้ ซึ่งยิงประตูให้ "เรือใบสีฟ้า" ขึ้นนำไปก่อน โดน ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ สกัดล้ม แต่ แอนโธนี่ย์ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสิน ปล่อยให้เกมดำเนินต่อไป และสุดท้าย ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ซัดประตูสุดสวยช่วยให้ทีมเยือนตีเสมอ จากนั้น สตีเว่น เจอร์ราร์ด ยิงไกลให้ "หงส์แดง" นำ 2-1 แต่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ซัดตีเสมอได้ในช่วง 12 นาทีสุดท้าย จบเกมทั้งสองทีมแบ่งแต้มกันไปอย่างสุดมัน

สำหรับเรื่องการลุ้นแชมป์ตอนนี้ แมนฯ ซิตี้ รั้งอันดับ 2 มี 53 คะแนน ห่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงถึง 9 คะแนน อย่างไรก็ตาม มันโช่ เชื่อว่า การลุ้นแชมป์ยังไม่จบ

"มันยังเหลืออีก 13 เกมจนกว่าฤดูกาลจะปิดฉากลง" มันโช่ บอกกับสกาย สปอร์ต

"มันยังไม่จบ ผมว่าเราฟิ้นกลับมาจาก 9 คะแนนได้นะ"

นอกจากนี้ มันชินี่ ก็ยังได้พูดถึงเกมนี้ที่เสมอกับ ลิเวอร์พูล ว่า "แน่นอน ผมคิดว่า ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีจริงๆ แต่เราเสียไป 2 ประตู ซึ่งเป็นการเสีย 2 ประตูแบบโง่ๆ สำหรับผม"

"แต่ก่อนหน้าประตูแรกมันเป็นจังหวะฟาวล์สำคัญอยู่ ถ้ามันเกิดขึ้นกับเรามันอาจเป็นใบแดงไปแล้ว แต่กรรมการและไลน์แมนก็ไม่เห็น แต่สุดท้ายผมรู้สึกว่า นี่เป็นผลการแข่งขันที่เหมาะสมแล้ว" 



ข่าววิชาการ

เทคนิคเรียนวิชาการให้สนุก เพิ่มพลังสมองวัยซน
โดย อาจารย์ ดร.สุธาวัลย์ หาญขจรสุข


การเรียนวิชาการด้วยความสนุก ช่วยเพิ่มศักยภาพสมองอย่างไร
ช่วงแรกเกิดถึง 10 ปีถือว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ จะเห็นได้ว่าเด็กๆ เรียนรู้
ภาษาต่างประเทศ ดนตรีได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะว่าเด็กปกติเมื่อคลอดมานั้นเกิดมาพร้อมกับจำนวนเซลล์สมองที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตเรียนรู้สิ่งต่างๆ หากว่าเด็กได้ฝึกการคิด การปฏิบัติ และใช้สมองในการแก้ปญั หา สมองก็จะมีการสร้างใยประสาทเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่เราจะใช้สมองน้อยกว่าประสิทธิภาพสมองที่มีอยู่จะทำอย่างไรให้เด็กสามารถเพิ่มศักยภาพการใช้สมองได้อย่างเต็มที่ ก่อนอื่นจะต้องรู้ว่าสมองจะเรียนรู้ได้ อารมณ์จะต้องมีลักษณะเป็นบวก ขณะที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น ความรู้สึกสนุกและรู้สึกผ่อนคลาย เป็นสิ่งสำคัญที่เด็กจะสามารถพัฒนาศักยภาพสมองของเขาได้อย่างเต็มที่

หลักสำคัญที่เรียนวิชาการด้วยความสนุก คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้กลยุทธ์หลากหลายที่จะทำเด็ก
มุ่งสนใจในสิ่งที่กำลังเรียนรู้อยู่ สร้างความท้าทาย ความสนุกสนาน และให้เด็กได้เชื่อมโยงสิ่งที่เรียนรู้กับชีวิตจริงเสมอ เพื่อให้รู้ว่าความรู้นั้นมีประโยชน์กับเขา โดยคุณพ่อคุณแม่อาจเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมหรือร่วมเล่นด้วย แต่หากลูกตอบผิดหรือทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่มองว่าไม่เข้าท่า อย่าใจร้อนตำหนิเขานะคะ เพราะจะทำให้บรรยากาศแบบผ่อนคลายหายไป
ตัวอย่างเทคนิคการเรียนวิชาการให้สนุก
- คณิตศาสตร์
วัยอนุบาล เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องจำนวนโดยใช้ขนมลูกชุบ โดยให้เด็กหยิบตามจำนวน
ต่างๆ ฝึกการรวมสิ่งของ (การบวก ) การหักลบ ซึ่งเด็กจะเรียนรู้ได้ดีเพราะเห็นเป็นรูปธรรม และรู้สึกสนุกเผลอๆ ลูกชุบจะหายไปเพราะถูกหักลบไปอยู่ในท้องของผู้เรียนก็ได้
วัยประถมศึกษาต้น เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องเรขาคณิต โดยตัด
กระดาษสีเป็นรูปเรขาคณิตต่างๆ สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม เข้านำมาปะติดเป็นภาพ
วัยประถมศึกษาปลาย เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องเศษส่วนด้วยพิซซ่า เด็กๆ จะสนุกกับการ
แบ่งพิซซ่าออกเป็นส่วนๆ จาก ½ เป็น ¼ และง่ายมากที่เด็กจะเปรียบเทียบว่าระหว่าง ¾ กับ ½ แบบใดได้ชิ้นใหญ่กว่ากัน
สนุกแบบนี้เพิ่มพลังสมองอย่างไร การจัดกิจกรรมผ่านประสบการณ์เรียนรู้อย่างเป็นรูปธรรม ให้เด็ก
ได้ลงมือปฏิบัติ คิดและสรุปเป็นองค์ความรู้ของตน เหล่านี้เป็นการเชื่อมโยงสมองซีกซ้ายและซีกขวาให้ทำงานประสานกัน และทำให้ศักยภาพในการเรียนเพิ่มขึ้นค่ะ
- ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ
วัยอนุบาล เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนพยัญชนะด้วยการใช้นิ้วจุ่มสีน้ำแล้วลากเป็นพยัญชนะ หรือ
โดยการผลัดกันเขียนพยัญชนะที่หลัง บนฝ่ามือ
วัยประถมศึกษาต้น เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนมาตราตัวสะกดโดยใช้เชือกแปลงร่าง เช่น แม่ กบ
ให้เด็กนำเชือกมาขดเป็น บ พร้อมกับบอกคำตัวอย่าง แล้วเปลี่ยนเป็น ป... ... ...
วัยประถมศึกษาปลาย เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนสำนวน คำพังเพย โดยเล่นเกมผลัดกันเปิดบัตร
สำนวน คำพังเพย แล้วเล่าเรื่องหรือแต่งนิทานที่สอดคล้องกับความหมายของสำนวน คำพังเพยนั้นๆ
สนุกแบบนี้เพิ่มพลังสมองอย่างไร
เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยใช้ประสาทสัมผัสหลายด้านร่วมกัน นอกจากจะทำให้เด็กสนุกและเกิดความ
เข้าใจที่ไม่ใช่ความทรงจำที่มาจากการท่องจำแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นกล้ามเนื้อสมองหลายๆ ส่วนให้ตื่นตัวเซลล์สมองมีการสื่อสารกันมากขึ้น และเกิดการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีกด้วย
- ศิลปะ
วัยอนุบาล เทคนิคเรียนให้สนุก ชักชวนให้ทำกิจกรรมหลากหลายค่ะ ไม่
จำเป็นต้องวาดรูปอย่างเดียว เช่น พิมพ์ภาพด้วยนิ้วมือ ปนั้ ดินน้ำมัน การพับ ฉีก การ
ฝนสีบนวัสดุหลายพื้นผิว เช่น กระดาษทราย กระดาษลูกฟูก
วัยประถมศึกษาต้น เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องการผสมสี เช่น สีเขียวต้องใช้สีอะไรผสมกัน
และให้เด็กๆ สนุกกับการนิยามชื่อสีที่ผสมได้ในเฉดต่างๆ เช่น สีเขียวใบตอง สีเขียวหญ้าอ่อน สีเขียวนาฬิกาBenten เป็นต้น
วัยประถมศึกษาปลาย เทคนิคเรียนให้สนุก ให้เด็กฝึกถ่ายทอดความคิดหรือเรื่องราวเกี่ยวกับ
เหตุการณ์ต่างๆ เป็นภาพวาด
สนุกแบบนี้เพิ่มพลังสมองอย่างไร เป็นการฝึกใช้สมองส่วนจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ใน
ขณะเดียวกันยังเป็นการฝึกใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กจากการปั้น พับ ประดิษฐ์ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาสมองได้เป็น
อย่างดี
- วิทยาศาสตร์
วัยอนุบาล เทคนิคเรียนให้สนุก การทดลองการจมการลอยของวัตถุ เด็กๆ จะสนุกกับการหย่อน
ของลงในน้ำ แล้วดูว่าจะจมหรือลอย ทัง้ นี้คุณพ่อคุณแม่ควรตัง้ คำถามกระตุ้นให้เด็กสังเกต และคิดด้วยนะคะเช่น เพราะอะไรน้า...ก้อนหินจึงจมน้ำ แต่ตุ๊กตาเป็ดลอยน้ำได้คะ
วัยประถมศึกษาต้น เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องการละลายจากการทำน้ำเชื่อม คุณแม่ลองชวน
น้องมาเข้าครัวทำน้ำผลไม้ แล้วทดลองดูว่าจะมีวิธีอย่างไรน้ำตาลจะละลายในน้ำได้ดีขึ้น
วัยประถมศึกษาปลาย เทคนิคเรียนให้สนุก เรียนเรื่องพลังงานกลที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่ของ
วัตถุ โดยการประดิษฐ์พาหนะจากเศษวัสดุ เช่น กล่องนม และใช้แรงยืดของยางหรือสปริงทำให้เครื่องที่ได้
สนุกแบบนี้เพิ่มพลังสมองอย่างไร ความสงสัย อยากรู้อยากเห็นเป็นสิ่งที่มีมาตามธรรมชาติ และ
ติดตัวมาตัง้ แต่เกิด ซึ่งของเราสมองก็ถูกออกแบบมาเพื่อรับรู้และขบคิดเพื่อค้นหาคำตอบ ดังนั้นการกระตุ้นให้เด็กเกิดคำถาม จินตนาการ สำรวจ ทดลอง ผ่านทางการเล่น ทำให้เด็กสามารถสร้างความหมายและความรู้ขึ้นมาได้ ยิ่งถ้าเด็กมีการใช้สมองเพื่อการเรียนรู้และการคิดมากเท่าไร ก็จะทำให้เซลล์สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมองใหม่ๆ แตกแขนงเชื่อมติดต่อกันมากยิ่งขึ้น


ข่าววัฒนธรรม

ปิดเทอมนี้ สวธ.ชวนเยาวชนอบรมเชิงปฏิบัติการ หุ่นกระบอกไทย
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม  เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริม สนับสนุน และอนุรักษ์ศิลปะการแสดงพื้นบ้านไทย จึงได้จัดกิจกรรมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หุ่นกระบอกไทย ขึ้น  เพื่อสืบสานและถ่ายทอดศิลปะการแสดงหุ่นกระบอกไทย ซึ่งถือเป็นมรดกทุนทางวัฒนธรรมที่สร้างสรรค์จากความคิดจินตนาการของภูมิปัญญาท้องถิ่น และสะท้อนให้เห็นถึงความงามของนาฏศิลป์ มุมมองของวิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีไทยที่นับวันกำลังจะสูญหายไปจากสังคมไทย

            กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จึงขอประกาศเชิญชวนยาวชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หุ่นกระบอกไทยดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
            คุณสมบัติผู้สมัคร  เยาวชน อายุ ๑๑ ปีขึ้นไป 
           หลักฐานการสมัคร ได้แก่ 
             ๑.ใบสมัคร จำนวน ๑ ชุด 
             ๒.รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่ใส่แว่นตาดำ ขนาด ๑x๑.๕ นิ้ว จำนวน ๒ ใบ
             ๓. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน ๑ ฉบับ  
             ๔.หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล ในกรณีที่หลักฐานข้อ ที่ ๑ และ ๓ ไม่ตรงกัน จำนวน ๑ ฉบับ
            หลักสูตรเปิดอบรม ประกอบด้วย 
             ๑. การบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของหุ่นกระบอกไทย     วิธีประดิษฐ์ การเขียนสี เครื่องประดับศรีษะ ลักษณะตัวหุ่น สื่อหุ่น พิธีกรรมและความเชื่อเกี่ยวกับการเชิดหุ่นกระบอกไทย จำนวน ๓ ชั่วโมง 
             ๒. ฝึกปฏิบัติการประดิษฐ์หุ่นกระบอกไทยและการเขียนสี จำนวน ๓ ชั่วโมง  
             ๓. ฝึกปฏิบัติการเชิดหุ่นและการแสดงหุ่นกระบอกไทย จำนวน ๒๔ ชั่วโมง

            ในโอกาสนี้  กรมส่งเสริมวัฒนธรรมจึงขอเชิญชวนเยาวชนที่มีใจรักและพร้อมจะร่วมสืบสานอนุรักษ์ศิลปะการแสดงหุ่นกระบอกไทย มีอายุตั้งแต่ ๑๑ ปี ขึ้นไป สมัครเข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ หุ่นกระบอกไทย”  ได้ตั้งแต่วันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ถึง ๕ เมษายน ๒๕๕๖ ในวันและเวลาราชการ โดยสามารถสมัครได้ด้วยตนเองที่ กลุ่มนิทรรศการ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  หรือส่งทางไปรษณีย์มาได้ที่ กลุ่มนิทรรศการ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย  กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ถนนเทียมร่วมมิตร เขตห้วยขวาง  กรุงเทพฯ ๑๐๓๑๐  (สำหรับการสมัครทางไปรษณีย์ จะถือวันประทับตราจากไปรษณีย์ต้นทางเป็นสำคัญ) ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูล โทร ๐ ๒๒๔๗ ๐๐๒๘ ต่อ ๔๑๔๑, ๔๑๔๒ หรือ ๔๑๔๗




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น